Wednesday, March 21, 2007

Milano Uomo Moda SumUp!!

อาจจะเป็นเพราะทัวร์ท่องเที่ยวอวกาศกำลังเป็นที่นิยมในหมู่เศรษฐีเวลาว่าง หรือการที่นาซ่าออกมาประกาศจะสร้างโคโลนี่บนดาวอังคาร เทรนด์ "กาแล็คติค" จึงเป็นสเตทเมนท์ที่เด่นชัดที่สุดบนมิลาโนรันเวย์ เห็นได้ชัดแบบตรงตามตัวสะกดที่รันเวย์ -Dolce &Gabbana- เมื่อโอเพนนิ่งซาวด์เทรคดังกระหึ่มด้วยเพลงที่จะเฉเป็นเทรนด์อื่นไปมิได้อย่าง Sprach Zarathustra ของ Richard Strauss ขบวนพาเหรดนายแบบที่โขกลุคของ 2001 Space Odyssey มาอย่างเต็มเปี่ยมด้วยชุดเหยียบดาวอังคารสีเงินเมทัลลิค และนานาอุปกรณ์ยังชีพบนกระสวยอวกาศ ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าชิ้นไฮเทคแวววาวต่างๆ คงยังไม่มีใคร(กล้า)ใช้สอยได้จริงในเร็ววันนี้ แต่สองคู่หูก็ยังแทรกซ้อนความ everyday-pieces เอาไว้บ้างเพื่อไม่ให้เสียยี่ห้อแบรนด์เสื้อที่มีคนเข้าแถวต่อคิวยาวที่สุดในมิลานช่วงซีซั่นเซลส์ ทำนายได้เลยว่าชิ้นโปรดของเหล่า Milanese จะต้องเป็นสูททรงสตรีมไลน์ แจ๊คเก็ตหนังนัปป้านุ่ม และคัทชูวส์ผูกเชือกสีกันเมทัลอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับยีนส์สีกระจกที่แมทช์คู่กับหมวกโบวล์เลอร์แบบ Clockwork Orange ที่ -Neil Barrett- และพาร์ก้าโปร่งแสงที่ -Costume National by Ennio Capasa-

ไม่ให้เสียชื่อตัวพ่อตัวแม่แห่งวงการแฟชั่นมิสเตอร์แม็คควีนและมิสซิสปราด้าจึงขอเล่าเรื่องของฟิวเจอร์ริสซึมใหม่ไม่ให้ซ้ำใครด้วยการผนวกเข้ากับเทรนด์ Back to The Future ผลลัพท์ที่ได้ของทั้งสองรันเวย์คือการทดลองเล่นกับเทคนิคผ้าใหม่ๆ ให้สมกับที่ "ชั้นจัดโชว์ในประเทศที่เทคโนโลยีอุตสาหกรรมการผลิตผ้าดีที่สุดในโลก" ที่ -Alexander McQueen- เป็นดั่งงานแต่งของชิ้นวัตถุดิบหรูชั้นสูงอย่างไหมทาฟฟ์ต้าเนื้อกรอบแกรบกับชิ้นสังเคราะห์อย่างนีโอพรีน บนเชปสูทไหล่ตั้งแบบ Dick Tracey ยุค 40's คอนเซปป์แบบฮอลลีวู๊ดซุปเปอร์ฮีโร่ถูกบิดทวิสต์ให้เป็นลุคสุดกาแลคติค-โรแมนติคด้วยดับเบิ้ลเบรสแจ๊คเก็ตที่ไล่วัสดุตั้งแต่ผ้าทอขนสัตว์ ไหม ไปจนถึงพลาสติกแบบเสื้อกันฝน เพราะด้วยลุคตั้งแต่ตัวเอก ผู้ช่วยตัวเอกยันตัวร้าย และผู้ช่วยมือขวา โชว์นี้จึงเป็นวัตถุุดิบชั้นดีสำหรับเหล่าคอสตูม ดีไซเนอร์ที่กำลังรันโปรเจคภาพยนตร์ไซไฟซักเรื่อง เช่นกันที่ -Prada- เมื่อมิวชา ปราด้าจับเอา Fred Flintstone มารีเมคใหม่ในแบบปราด้า แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา ลุคแบบมนุษย์ถ้ำยุค 2007 ประกอบด้วยเสื้อโค๊ททรงไข่ ทูนิคสีสะท้อนแสงด้วยเทคนิคการทอผสมผ้าขนโมแฮร์ไล่เฉด และกางเกงทรงขาลีบเหยียบเบรคที่รับรองว่าต้องขึ้นแฟชั่นเซ็ททุกแมกกาซีน และแน่นอนไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชายจะมี it bag โดยเฉพาะที่ปราด้า ขบวนแอคเซสเซอรี่หลากหลายจึงพาเหรดกันมาให้เหล่าเอดิเตอร์ (ชาย) ได้ตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่รองเท้าหนังกระจกไล่สี หมวกจ๊อกกี้แบบคัลเลอร์บล๊อค และ Prada's signatured tote bags ที่มีกฏเหล็กว่าห้ามสะพาย แต่ให้ขยุ้มกำไว้ตรงมือเท่านั้น!!

ในขณะที่ฝ่ายมุมมินิมัลหันมาแมกซ์กันอย่างเต็มที่ ฟากมุมแมกซิมัลลิสต์อย่าง -Versace- ที่ได้ 'it boy' คนใหม่จากลอนดอนอย่าง คริสโตเฟอร์ คาห์นมาเป็น design director ให้จึงหันกลับมาโฟกัสที่คอนเซปป์แบบมักน้อยแต่พอเพียงอย่างเต็มเหนี่ยว ตัวเอกจึงเป็นสีเบสิคอย่างขาวและดำ หยอดด้วยสีน้ำตาลแทน แดง และเทอร์ควอยซ์ให้พอล้อแสงแฟลช บนเชปแบบฮอลิเดย์คลาสสิคเช่นดับเบิ้ลเบรสแจ๊คเก็ต ชุดสูทกระดุมเดียว และชิ้นรองเท้าสบายๆ แบบหนังกลับ เช่นเดียวกันกับขามินิมัลอย่าง -Calvin Klein- ที่อิตาโล ซุคเคลลี ที่ยังคงพาเลทท์เด่นของแบรนด์ไว้อย่างเทา (ทุกเฉด) บนโครงแบบเบสิคเพื่อไม่ให้สาวกเสียขวัญและกำลังใจ ที่จะหวือหวาแปลกตาก็คงเป็นเพียงแจ๊คเก็ตผ้าเคลือบพลาสติกบนเฉดแรงอย่างเหลืองมะนาว เหลืองมัสตาร์ด และน้ำเงินโคบอลท์เท่านั้นเอง การกลับมาเยื่อนรันเวย์อีกครั้งของ -Marni Uomo- ที่คอนซูเอลโล คาสติลลีโอนีโชว์ลุคท้าหนาวแบบโมเดิร์น คลาสสิค ด้วยโค๊ททรงบ๊อกซี่ เสื้อยืดขาวเบสิคและขายาวลองจอห์นเนื้อแคชเมียร์ กลายเป็นลุคที่สวยซะจน "Who needs socks for Winter!!" ส่วน Minimalism=Jil Sander=Minimalism (ถึงแม้ราฟ ไซมอนส์จะ claimed ตัวเองว่าเป็น purism มากกว่า) แบรนด์ที่สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้เพียงแค่ปรับคืบความสั้นยาว แรงบันดาลใจจากงานของ Antony Gormley และรูปร่างของมนุษย์ก็เพียงพอที่จะโชว์ชิ้นงานแบบ "Take your breath away" ด้วยดีเทลซ่อนเร้นสุดเนี๊ยบบนคัทติ้งคมกริบ (กว่าเบอร์ลินคัทของเอดิ สลีมานยุคแรกๆ) ลายเส้นชอล์คขีดบนแจ๊คเก็ตวูลเนื้อดี บวกกับเฉดสีก่ำอย่างกรมท่า ช๊อคโกแลต และเทาเข้ม หยอดด้วยมิเนอร์รัลพาเลทท์อย่างทองแดง และเฟรนช์บลูแกรนิตบนจัมเปอร์ผ้าลูเร็กซ์ก็สามารถเรียกบราโว่จากสเตฟาโน ท็อนคิแห่ง New York Times ได้อย่างสบายๆ

อีกเทรนด์ร้อนคือกระแส Androgyny ที่สามารถดึงลูกค้าจากฟากรันเวย์หญิงมาซื้อได้อย่างไม่เคอะเขิน บนรันเวย์ที่รวบรวมนายแบบหนุ่มหล่อที่สุดของวงการไว้ได้มากที่สุดอย่าง Eddie Klint, Danny Beauchamp, Vincent Lacrocq, James Neate และลูกชายสุดหล่อของ Bryan Ferry และ Jeremy Irons อย่าง Otis, Isaac Ferry และ Max Irons ซีซั่นนี้คริสโตเฟอร์ เบเลย์ยกกองทัพทหารแห่งสหราชอาณาจักรมาไว้ตั้งแต่เซอร์เจนท์ เปปเปอร์, เซอร์เออร์เนส เชคเคิลตัน, เจมส์ บอนด์ ไปจนถึงเจ้าชายวิลเลี่ยม บนพาเลทท์สีที่ (ผู้เขียนคิดว่า) สวยที่สุดในมิลานแฟชั่นวีคนี้ สีเทา เทา และเทา หยอดด้วยฟ้า น้ำเงินและเหลืองทอง และเน้นว่า "ไม่มีลายพิมพ์ตารางแบบเบอร์เบอรี่แม้แต่ลุคเดียว" ซึ่งคงเป็นสเตทเมนต์ที่แสดงว่า -Burberry Prorsum- ต้องการจะแยกเป็นแบรนด์เด่นที่ไม่อิงชื่อเสียงเก่าของเบอร์เบอรี่ ลอนดอนอีกต่อไป โครงเสื้อแบบโอเวอร์ไซส์ที่หลวมย้วยเลยข้อมือและสะโพกลงมาช่วยลดความทะมึนของเชปแบบยูนิฟอร์มบนเทรนช์ทหาร ผสมกลิ่นไอบริทิชม๊อดยุค 60's นิดๆ จึงทำให้เบอร์เบอรี่ พรอร์ซัมคอลเลคชั่นนี้กลายเป็นขวัญใจเอดิเตอร์ทั่วโลกทันที จำลองลุคของราชาเพลงร๊อคทั้งมิค แจ๊คเกอร์และจิม มอร์ริสันมาแบบเต็มๆ ที่รันเวย์ -Roberto Cavalli- ผสมกับงานคราฟท์เอกลักษณ์ของคาวาลลี่ ภาพที่ได้คือหนุ่มเพลย์บอยสุดแกลมที่ประเคนวัสดุตัดเย็บชั้นดีมาแบบไม่เกรงกลัวค่าซักแห้ง ตั้งแต่แจ๊คเก็ตและกางเกงหนังนัปป้าเนื้อนุ่มสุดสลิม ไปถึงหนังงู กำมะหยี่ ระบายฟูฟ่อง รวมไปถึงโค๊ทขนสัตว์สีขาวที่เหมาะกับเดวิด แบคแฮมอย่างมากถึงมากที่สุด ที่รันเวย์ -Fendi- ซิลเวีย เฟนดิทริบิวท์ลุคทั้งหมดให้กับคริสโตบัล บาเลนเชียก้าบนโครงเสื้อผู้ชาย เอเลเมนต์สำคัญจึงมากันครบตั้งแต่โครงไหล่ตก แขนสามส่วน แจ๊คเก็ตพีโค๊ทแบบดับเบิ้ลเบรส หรือท๊อปทรงโคคูน เพื่อไม่ให้เสียชื่อห้องเสื้อตัวแม่ทางด้านขนสัตว์ เทคนิคการทอล่าสุดจึงเป็นการทำให้ขนสัตว์ดูเหมือนผ้า และผ้าเหมือนขนสัตว์ ใยขนแกะเปอร์เชียเนื้อละเอียดจึงถูกนำมาทอให้บางเป็นเสื้อเชิ๊ต ไปจนถึงเทรนช์โค๊ท ส่วนชิ้นเฟอร์บนโค๊ทกลับทำจากขนอ่อนแพะที่ยีจนหนาฟู ผลที่ได้คือลุคหรูแบบออเดรย์ แฮปเบิร์นผสมกลิ่นไซไฟอย่าง Gattaca

ในขณะเดียวกัน เทรนด์ฟอมัลคลาสสิคก็ยังไม่จางหายไป และเพื่อเป็นการย้ำชัดกับงานนิทรรศการเฉลิมฉลองให้กับเซวิลล์ โรลว์ ย่านตัดเสื้อเก่าแก่ในลอนดอน ที่จัดขึ้นระหว่างงานแฟร์ Pitti Uomo ในฟลอเรนซ์ ดีเทลแบบเทเลอร์บนโครงเสื้อสูททุกแบบทุกชนิดจึงมาพร้อมใจปรากฎตัวบนรันเวย์ตั้งแต่ -Giorgio Armani- กับสูทกำมะหยี่และลุคใหม่กับการยัดขากางเกงลงในบู๊ท!?! -D&G- ที่กลิ่นของคงามหรูหราแบล๊คไทแบบดาเนียล เครก ขจรขจายไปผสมกับลุคเดย์แวร์และสปอร์ตแวร์ (think...ชุดสูททักซิโดใส่กับรองเท้าผ้าใบกีฬา) ไปจนถึง -Bottega Veneta- ที่โทมัส มายร์ออกแบบสู๊ทสามชิ้นสไตล์อิตาเลียน คัทติ้งแบบเซวิลล์ โรลว์-นีอาโปลีตัน พอดีตัวดั่งสั่งตัดกับหมวกโบวล์เลอร์ และกระเป๋าซิกเนเจอร์หนังสานที่สวยจนน่าขโมยจากแฟนหนุ่มมาใช้

No comments: