Monday, November 30, 2009
Sunday, August 02, 2009
Wednesday, July 22, 2009
Tuesday, July 21, 2009
Tuesday, July 14, 2009
Thursday, July 09, 2009
Wednesday, July 08, 2009
Monday, July 06, 2009
Lunch, camera, action!!
Sunday, July 05, 2009
Saturday, July 04, 2009
Tribute to the King of Pop
Friday, July 03, 2009
Im alive!!!!
After has been freeze for may be a year, now WIMH is back. Live from iPhone all around BKK!!
Friday, August 15, 2008
Friday, December 28, 2007
Thursday, October 11, 2007
Tuesday, May 08, 2007
Wednesday, March 21, 2007
Milano Uomo Moda SumUp!!
อาจจะเป็นเพราะทัวร์ท่องเที่ยวอวกาศกำลังเป็นที่นิยมในหมู่เศรษฐีเวลาว่าง หรือการที่นาซ่าออกมาประกาศจะสร้างโคโลนี่บนดาวอังคาร เทรนด์ "กาแล็คติค" จึงเป็นสเตทเมนท์ที่เด่นชัดที่สุดบนมิลาโนรันเวย์ เห็นได้ชัดแบบตรงตามตัวสะกดที่รันเวย์ -Dolce &Gabbana- เมื่อโอเพนนิ่งซาวด์เทรคดังกระหึ่มด้วยเพลงที่จะเฉเป็นเทรนด์อื่นไปมิได้อย่าง Sprach Zarathustra ของ Richard Strauss ขบวนพาเหรดนายแบบที่โขกลุคของ 2001 Space Odyssey มาอย่างเต็มเปี่ยมด้วยชุดเหยียบดาวอังคารสีเงินเมทัลลิค และนานาอุปกรณ์ยังชีพบนกระสวยอวกาศ ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าชิ้นไฮเทคแวววาวต่างๆ คงยังไม่มีใคร(กล้า)ใช้สอยได้จริงในเร็ววันนี้ แต่สองคู่หูก็ยังแทรกซ้อนความ everyday-pieces เอาไว้บ้างเพื่อไม่ให้เสียยี่ห้อแบรนด์เสื้อที่มีคนเข้าแถวต่อคิวยาวที่สุดในมิลานช่วงซีซั่นเซลส์ ทำนายได้เลยว่าชิ้นโปรดของเหล่า Milanese จะต้องเป็นสูททรงสตรีมไลน์ แจ๊คเก็ตหนังนัปป้านุ่ม และคัทชูวส์ผูกเชือกสีกันเมทัลอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับยีนส์สีกระจกที่แมทช์คู่กับหมวกโบวล์เลอร์แบบ Clockwork Orange ที่ -Neil Barrett- และพาร์ก้าโปร่งแสงที่ -Costume National by Ennio Capasa-
ไม่ให้เสียชื่อตัวพ่อตัวแม่แห่งวงการแฟชั่นมิสเตอร์แม็คควีนและมิสซิสปราด้าจึงขอเล่าเรื่องของฟิวเจอร์ริสซึมใหม่ไม่ให้ซ้ำใครด้วยการผนวกเข้ากับเทรนด์ Back to The Future ผลลัพท์ที่ได้ของทั้งสองรันเวย์คือการทดลองเล่นกับเทคนิคผ้าใหม่ๆ ให้สมกับที่ "ชั้นจัดโชว์ในประเทศที่เทคโนโลยีอุตสาหกรรมการผลิตผ้าดีที่สุดในโลก" ที่ -Alexander McQueen- เป็นดั่งงานแต่งของชิ้นวัตถุดิบหรูชั้นสูงอย่างไหมทาฟฟ์ต้าเนื้อกรอบแกรบกับชิ้นสังเคราะห์อย่างนีโอพรีน บนเชปสูทไหล่ตั้งแบบ Dick Tracey ยุค 40's คอนเซปป์แบบฮอลลีวู๊ดซุปเปอร์ฮีโร่ถูกบิดทวิสต์ให้เป็นลุคสุดกาแลคติค-โรแมนติคด้วยดับเบิ้ลเบรสแจ๊คเก็ตที่ไล่วัสดุตั้งแต่ผ้าทอขนสัตว์ ไหม ไปจนถึงพลาสติกแบบเสื้อกันฝน เพราะด้วยลุคตั้งแต่ตัวเอก ผู้ช่วยตัวเอกยันตัวร้าย และผู้ช่วยมือขวา โชว์นี้จึงเป็นวัตถุุดิบชั้นดีสำหรับเหล่าคอสตูม ดีไซเนอร์ที่กำลังรันโปรเจคภาพยนตร์ไซไฟซักเรื่อง เช่นกันที่ -Prada- เมื่อมิวชา ปราด้าจับเอา Fred Flintstone มารีเมคใหม่ในแบบปราด้า แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา ลุคแบบมนุษย์ถ้ำยุค 2007 ประกอบด้วยเสื้อโค๊ททรงไข่ ทูนิคสีสะท้อนแสงด้วยเทคนิคการทอผสมผ้าขนโมแฮร์ไล่เฉด และกางเกงทรงขาลีบเหยียบเบรคที่รับรองว่าต้องขึ้นแฟชั่นเซ็ททุกแมกกาซีน และแน่นอนไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชายจะมี it bag โดยเฉพาะที่ปราด้า ขบวนแอคเซสเซอรี่หลากหลายจึงพาเหรดกันมาให้เหล่าเอดิเตอร์ (ชาย) ได้ตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่รองเท้าหนังกระจกไล่สี หมวกจ๊อกกี้แบบคัลเลอร์บล๊อค และ Prada's signatured tote bags ที่มีกฏเหล็กว่าห้ามสะพาย แต่ให้ขยุ้มกำไว้ตรงมือเท่านั้น!!
ในขณะที่ฝ่ายมุมมินิมัลหันมาแมกซ์กันอย่างเต็มที่ ฟากมุมแมกซิมัลลิสต์อย่าง -Versace- ที่ได้ 'it boy' คนใหม่จากลอนดอนอย่าง คริสโตเฟอร์ คาห์นมาเป็น design director ให้จึงหันกลับมาโฟกัสที่คอนเซปป์แบบมักน้อยแต่พอเพียงอย่างเต็มเหนี่ยว ตัวเอกจึงเป็นสีเบสิคอย่างขาวและดำ หยอดด้วยสีน้ำตาลแทน แดง และเทอร์ควอยซ์ให้พอล้อแสงแฟลช บนเชปแบบฮอลิเดย์คลาสสิคเช่นดับเบิ้ลเบรสแจ๊คเก็ต ชุดสูทกระดุมเดียว และชิ้นรองเท้าสบายๆ แบบหนังกลับ เช่นเดียวกันกับขามินิมัลอย่าง -Calvin Klein- ที่อิตาโล ซุคเคลลี ที่ยังคงพาเลทท์เด่นของแบรนด์ไว้อย่างเทา (ทุกเฉด) บนโครงแบบเบสิคเพื่อไม่ให้สาวกเสียขวัญและกำลังใจ ที่จะหวือหวาแปลกตาก็คงเป็นเพียงแจ๊คเก็ตผ้าเคลือบพลาสติกบนเฉดแรงอย่างเหลืองมะนาว เหลืองมัสตาร์ด และน้ำเงินโคบอลท์เท่านั้นเอง การกลับมาเยื่อนรันเวย์อีกครั้งของ -Marni Uomo- ที่คอนซูเอลโล คาสติลลีโอนีโชว์ลุคท้าหนาวแบบโมเดิร์น คลาสสิค ด้วยโค๊ททรงบ๊อกซี่ เสื้อยืดขาวเบสิคและขายาวลองจอห์นเนื้อแคชเมียร์ กลายเป็นลุคที่สวยซะจน "Who needs socks for Winter!!" ส่วน Minimalism=Jil Sander=Minimalism (ถึงแม้ราฟ ไซมอนส์จะ claimed ตัวเองว่าเป็น purism มากกว่า) แบรนด์ที่สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้เพียงแค่ปรับคืบความสั้นยาว แรงบันดาลใจจากงานของ Antony Gormley และรูปร่างของมนุษย์ก็เพียงพอที่จะโชว์ชิ้นงานแบบ "Take your breath away" ด้วยดีเทลซ่อนเร้นสุดเนี๊ยบบนคัทติ้งคมกริบ (กว่าเบอร์ลินคัทของเอดิ สลีมานยุคแรกๆ) ลายเส้นชอล์คขีดบนแจ๊คเก็ตวูลเนื้อดี บวกกับเฉดสีก่ำอย่างกรมท่า ช๊อคโกแลต และเทาเข้ม หยอดด้วยมิเนอร์รัลพาเลทท์อย่างทองแดง และเฟรนช์บลูแกรนิตบนจัมเปอร์ผ้าลูเร็กซ์ก็สามารถเรียกบราโว่จากสเตฟาโน ท็อนคิแห่ง New York Times ได้อย่างสบายๆ
อีกเทรนด์ร้อนคือกระแส Androgyny ที่สามารถดึงลูกค้าจากฟากรันเวย์หญิงมาซื้อได้อย่างไม่เคอะเขิน บนรันเวย์ที่รวบรวมนายแบบหนุ่มหล่อที่สุดของวงการไว้ได้มากที่สุดอย่าง Eddie Klint, Danny Beauchamp, Vincent Lacrocq, James Neate และลูกชายสุดหล่อของ Bryan Ferry และ Jeremy Irons อย่าง Otis, Isaac Ferry และ Max Irons ซีซั่นนี้คริสโตเฟอร์ เบเลย์ยกกองทัพทหารแห่งสหราชอาณาจักรมาไว้ตั้งแต่เซอร์เจนท์ เปปเปอร์, เซอร์เออร์เนส เชคเคิลตัน, เจมส์ บอนด์ ไปจนถึงเจ้าชายวิลเลี่ยม บนพาเลทท์สีที่ (ผู้เขียนคิดว่า) สวยที่สุดในมิลานแฟชั่นวีคนี้ สีเทา เทา และเทา หยอดด้วยฟ้า น้ำเงินและเหลืองทอง และเน้นว่า "ไม่มีลายพิมพ์ตารางแบบเบอร์เบอรี่แม้แต่ลุคเดียว" ซึ่งคงเป็นสเตทเมนต์ที่แสดงว่า -Burberry Prorsum- ต้องการจะแยกเป็นแบรนด์เด่นที่ไม่อิงชื่อเสียงเก่าของเบอร์เบอรี่ ลอนดอนอีกต่อไป โครงเสื้อแบบโอเวอร์ไซส์ที่หลวมย้วยเลยข้อมือและสะโพกลงมาช่วยลดความทะมึนของเชปแบบยูนิฟอร์มบนเทรนช์ทหาร ผสมกลิ่นไอบริทิชม๊อดยุค 60's นิดๆ จึงทำให้เบอร์เบอรี่ พรอร์ซัมคอลเลคชั่นนี้กลายเป็นขวัญใจเอดิเตอร์ทั่วโลกทันที จำลองลุคของราชาเพลงร๊อคทั้งมิค แจ๊คเกอร์และจิม มอร์ริสันมาแบบเต็มๆ ที่รันเวย์ -Roberto Cavalli- ผสมกับงานคราฟท์เอกลักษณ์ของคาวาลลี่ ภาพที่ได้คือหนุ่มเพลย์บอยสุดแกลมที่ประเคนวัสดุตัดเย็บชั้นดีมาแบบไม่เกรงกลัวค่าซักแห้ง ตั้งแต่แจ๊คเก็ตและกางเกงหนังนัปป้าเนื้อนุ่มสุดสลิม ไปถึงหนังงู กำมะหยี่ ระบายฟูฟ่อง รวมไปถึงโค๊ทขนสัตว์สีขาวที่เหมาะกับเดวิด แบคแฮมอย่างมากถึงมากที่สุด ที่รันเวย์ -Fendi- ซิลเวีย เฟนดิทริบิวท์ลุคทั้งหมดให้กับคริสโตบัล บาเลนเชียก้าบนโครงเสื้อผู้ชาย เอเลเมนต์สำคัญจึงมากันครบตั้งแต่โครงไหล่ตก แขนสามส่วน แจ๊คเก็ตพีโค๊ทแบบดับเบิ้ลเบรส หรือท๊อปทรงโคคูน เพื่อไม่ให้เสียชื่อห้องเสื้อตัวแม่ทางด้านขนสัตว์ เทคนิคการทอล่าสุดจึงเป็นการทำให้ขนสัตว์ดูเหมือนผ้า และผ้าเหมือนขนสัตว์ ใยขนแกะเปอร์เชียเนื้อละเอียดจึงถูกนำมาทอให้บางเป็นเสื้อเชิ๊ต ไปจนถึงเทรนช์โค๊ท ส่วนชิ้นเฟอร์บนโค๊ทกลับทำจากขนอ่อนแพะที่ยีจนหนาฟู ผลที่ได้คือลุคหรูแบบออเดรย์ แฮปเบิร์นผสมกลิ่นไซไฟอย่าง Gattaca
ในขณะเดียวกัน เทรนด์ฟอมัลคลาสสิคก็ยังไม่จางหายไป และเพื่อเป็นการย้ำชัดกับงานนิทรรศการเฉลิมฉลองให้กับเซวิลล์ โรลว์ ย่านตัดเสื้อเก่าแก่ในลอนดอน ที่จัดขึ้นระหว่างงานแฟร์ Pitti Uomo ในฟลอเรนซ์ ดีเทลแบบเทเลอร์บนโครงเสื้อสูททุกแบบทุกชนิดจึงมาพร้อมใจปรากฎตัวบนรันเวย์ตั้งแต่ -Giorgio Armani- กับสูทกำมะหยี่และลุคใหม่กับการยัดขากางเกงลงในบู๊ท!?! -D&G- ที่กลิ่นของคงามหรูหราแบล๊คไทแบบดาเนียล เครก ขจรขจายไปผสมกับลุคเดย์แวร์และสปอร์ตแวร์ (think...ชุดสูททักซิโดใส่กับรองเท้าผ้าใบกีฬา) ไปจนถึง -Bottega Veneta- ที่โทมัส มายร์ออกแบบสู๊ทสามชิ้นสไตล์อิตาเลียน คัทติ้งแบบเซวิลล์ โรลว์-นีอาโปลีตัน พอดีตัวดั่งสั่งตัดกับหมวกโบวล์เลอร์ และกระเป๋าซิกเนเจอร์หนังสานที่สวยจนน่าขโมยจากแฟนหนุ่มมาใช้
ไม่ให้เสียชื่อตัวพ่อตัวแม่แห่งวงการแฟชั่นมิสเตอร์แม็คควีนและมิสซิสปราด้าจึงขอเล่าเรื่องของฟิวเจอร์ริสซึมใหม่ไม่ให้ซ้ำใครด้วยการผนวกเข้ากับเทรนด์ Back to The Future ผลลัพท์ที่ได้ของทั้งสองรันเวย์คือการทดลองเล่นกับเทคนิคผ้าใหม่ๆ ให้สมกับที่ "ชั้นจัดโชว์ในประเทศที่เทคโนโลยีอุตสาหกรรมการผลิตผ้าดีที่สุดในโลก" ที่ -Alexander McQueen- เป็นดั่งงานแต่งของชิ้นวัตถุดิบหรูชั้นสูงอย่างไหมทาฟฟ์ต้าเนื้อกรอบแกรบกับชิ้นสังเคราะห์อย่างนีโอพรีน บนเชปสูทไหล่ตั้งแบบ Dick Tracey ยุค 40's คอนเซปป์แบบฮอลลีวู๊ดซุปเปอร์ฮีโร่ถูกบิดทวิสต์ให้เป็นลุคสุดกาแลคติค-โรแมนติคด้วยดับเบิ้ลเบรสแจ๊คเก็ตที่ไล่วัสดุตั้งแต่ผ้าทอขนสัตว์ ไหม ไปจนถึงพลาสติกแบบเสื้อกันฝน เพราะด้วยลุคตั้งแต่ตัวเอก ผู้ช่วยตัวเอกยันตัวร้าย และผู้ช่วยมือขวา โชว์นี้จึงเป็นวัตถุุดิบชั้นดีสำหรับเหล่าคอสตูม ดีไซเนอร์ที่กำลังรันโปรเจคภาพยนตร์ไซไฟซักเรื่อง เช่นกันที่ -Prada- เมื่อมิวชา ปราด้าจับเอา Fred Flintstone มารีเมคใหม่ในแบบปราด้า แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา ลุคแบบมนุษย์ถ้ำยุค 2007 ประกอบด้วยเสื้อโค๊ททรงไข่ ทูนิคสีสะท้อนแสงด้วยเทคนิคการทอผสมผ้าขนโมแฮร์ไล่เฉด และกางเกงทรงขาลีบเหยียบเบรคที่รับรองว่าต้องขึ้นแฟชั่นเซ็ททุกแมกกาซีน และแน่นอนไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชายจะมี it bag โดยเฉพาะที่ปราด้า ขบวนแอคเซสเซอรี่หลากหลายจึงพาเหรดกันมาให้เหล่าเอดิเตอร์ (ชาย) ได้ตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่รองเท้าหนังกระจกไล่สี หมวกจ๊อกกี้แบบคัลเลอร์บล๊อค และ Prada's signatured tote bags ที่มีกฏเหล็กว่าห้ามสะพาย แต่ให้ขยุ้มกำไว้ตรงมือเท่านั้น!!
ในขณะที่ฝ่ายมุมมินิมัลหันมาแมกซ์กันอย่างเต็มที่ ฟากมุมแมกซิมัลลิสต์อย่าง -Versace- ที่ได้ 'it boy' คนใหม่จากลอนดอนอย่าง คริสโตเฟอร์ คาห์นมาเป็น design director ให้จึงหันกลับมาโฟกัสที่คอนเซปป์แบบมักน้อยแต่พอเพียงอย่างเต็มเหนี่ยว ตัวเอกจึงเป็นสีเบสิคอย่างขาวและดำ หยอดด้วยสีน้ำตาลแทน แดง และเทอร์ควอยซ์ให้พอล้อแสงแฟลช บนเชปแบบฮอลิเดย์คลาสสิคเช่นดับเบิ้ลเบรสแจ๊คเก็ต ชุดสูทกระดุมเดียว และชิ้นรองเท้าสบายๆ แบบหนังกลับ เช่นเดียวกันกับขามินิมัลอย่าง -Calvin Klein- ที่อิตาโล ซุคเคลลี ที่ยังคงพาเลทท์เด่นของแบรนด์ไว้อย่างเทา (ทุกเฉด) บนโครงแบบเบสิคเพื่อไม่ให้สาวกเสียขวัญและกำลังใจ ที่จะหวือหวาแปลกตาก็คงเป็นเพียงแจ๊คเก็ตผ้าเคลือบพลาสติกบนเฉดแรงอย่างเหลืองมะนาว เหลืองมัสตาร์ด และน้ำเงินโคบอลท์เท่านั้นเอง การกลับมาเยื่อนรันเวย์อีกครั้งของ -Marni Uomo- ที่คอนซูเอลโล คาสติลลีโอนีโชว์ลุคท้าหนาวแบบโมเดิร์น คลาสสิค ด้วยโค๊ททรงบ๊อกซี่ เสื้อยืดขาวเบสิคและขายาวลองจอห์นเนื้อแคชเมียร์ กลายเป็นลุคที่สวยซะจน "Who needs socks for Winter!!" ส่วน Minimalism=Jil Sander=Minimalism (ถึงแม้ราฟ ไซมอนส์จะ claimed ตัวเองว่าเป็น purism มากกว่า) แบรนด์ที่สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้เพียงแค่ปรับคืบความสั้นยาว แรงบันดาลใจจากงานของ Antony Gormley และรูปร่างของมนุษย์ก็เพียงพอที่จะโชว์ชิ้นงานแบบ "Take your breath away" ด้วยดีเทลซ่อนเร้นสุดเนี๊ยบบนคัทติ้งคมกริบ (กว่าเบอร์ลินคัทของเอดิ สลีมานยุคแรกๆ) ลายเส้นชอล์คขีดบนแจ๊คเก็ตวูลเนื้อดี บวกกับเฉดสีก่ำอย่างกรมท่า ช๊อคโกแลต และเทาเข้ม หยอดด้วยมิเนอร์รัลพาเลทท์อย่างทองแดง และเฟรนช์บลูแกรนิตบนจัมเปอร์ผ้าลูเร็กซ์ก็สามารถเรียกบราโว่จากสเตฟาโน ท็อนคิแห่ง New York Times ได้อย่างสบายๆ
อีกเทรนด์ร้อนคือกระแส Androgyny ที่สามารถดึงลูกค้าจากฟากรันเวย์หญิงมาซื้อได้อย่างไม่เคอะเขิน บนรันเวย์ที่รวบรวมนายแบบหนุ่มหล่อที่สุดของวงการไว้ได้มากที่สุดอย่าง Eddie Klint, Danny Beauchamp, Vincent Lacrocq, James Neate และลูกชายสุดหล่อของ Bryan Ferry และ Jeremy Irons อย่าง Otis, Isaac Ferry และ Max Irons ซีซั่นนี้คริสโตเฟอร์ เบเลย์ยกกองทัพทหารแห่งสหราชอาณาจักรมาไว้ตั้งแต่เซอร์เจนท์ เปปเปอร์, เซอร์เออร์เนส เชคเคิลตัน, เจมส์ บอนด์ ไปจนถึงเจ้าชายวิลเลี่ยม บนพาเลทท์สีที่ (ผู้เขียนคิดว่า) สวยที่สุดในมิลานแฟชั่นวีคนี้ สีเทา เทา และเทา หยอดด้วยฟ้า น้ำเงินและเหลืองทอง และเน้นว่า "ไม่มีลายพิมพ์ตารางแบบเบอร์เบอรี่แม้แต่ลุคเดียว" ซึ่งคงเป็นสเตทเมนต์ที่แสดงว่า -Burberry Prorsum- ต้องการจะแยกเป็นแบรนด์เด่นที่ไม่อิงชื่อเสียงเก่าของเบอร์เบอรี่ ลอนดอนอีกต่อไป โครงเสื้อแบบโอเวอร์ไซส์ที่หลวมย้วยเลยข้อมือและสะโพกลงมาช่วยลดความทะมึนของเชปแบบยูนิฟอร์มบนเทรนช์ทหาร ผสมกลิ่นไอบริทิชม๊อดยุค 60's นิดๆ จึงทำให้เบอร์เบอรี่ พรอร์ซัมคอลเลคชั่นนี้กลายเป็นขวัญใจเอดิเตอร์ทั่วโลกทันที จำลองลุคของราชาเพลงร๊อคทั้งมิค แจ๊คเกอร์และจิม มอร์ริสันมาแบบเต็มๆ ที่รันเวย์ -Roberto Cavalli- ผสมกับงานคราฟท์เอกลักษณ์ของคาวาลลี่ ภาพที่ได้คือหนุ่มเพลย์บอยสุดแกลมที่ประเคนวัสดุตัดเย็บชั้นดีมาแบบไม่เกรงกลัวค่าซักแห้ง ตั้งแต่แจ๊คเก็ตและกางเกงหนังนัปป้าเนื้อนุ่มสุดสลิม ไปถึงหนังงู กำมะหยี่ ระบายฟูฟ่อง รวมไปถึงโค๊ทขนสัตว์สีขาวที่เหมาะกับเดวิด แบคแฮมอย่างมากถึงมากที่สุด ที่รันเวย์ -Fendi- ซิลเวีย เฟนดิทริบิวท์ลุคทั้งหมดให้กับคริสโตบัล บาเลนเชียก้าบนโครงเสื้อผู้ชาย เอเลเมนต์สำคัญจึงมากันครบตั้งแต่โครงไหล่ตก แขนสามส่วน แจ๊คเก็ตพีโค๊ทแบบดับเบิ้ลเบรส หรือท๊อปทรงโคคูน เพื่อไม่ให้เสียชื่อห้องเสื้อตัวแม่ทางด้านขนสัตว์ เทคนิคการทอล่าสุดจึงเป็นการทำให้ขนสัตว์ดูเหมือนผ้า และผ้าเหมือนขนสัตว์ ใยขนแกะเปอร์เชียเนื้อละเอียดจึงถูกนำมาทอให้บางเป็นเสื้อเชิ๊ต ไปจนถึงเทรนช์โค๊ท ส่วนชิ้นเฟอร์บนโค๊ทกลับทำจากขนอ่อนแพะที่ยีจนหนาฟู ผลที่ได้คือลุคหรูแบบออเดรย์ แฮปเบิร์นผสมกลิ่นไซไฟอย่าง Gattaca
ในขณะเดียวกัน เทรนด์ฟอมัลคลาสสิคก็ยังไม่จางหายไป และเพื่อเป็นการย้ำชัดกับงานนิทรรศการเฉลิมฉลองให้กับเซวิลล์ โรลว์ ย่านตัดเสื้อเก่าแก่ในลอนดอน ที่จัดขึ้นระหว่างงานแฟร์ Pitti Uomo ในฟลอเรนซ์ ดีเทลแบบเทเลอร์บนโครงเสื้อสูททุกแบบทุกชนิดจึงมาพร้อมใจปรากฎตัวบนรันเวย์ตั้งแต่ -Giorgio Armani- กับสูทกำมะหยี่และลุคใหม่กับการยัดขากางเกงลงในบู๊ท!?! -D&G- ที่กลิ่นของคงามหรูหราแบล๊คไทแบบดาเนียล เครก ขจรขจายไปผสมกับลุคเดย์แวร์และสปอร์ตแวร์ (think...ชุดสูททักซิโดใส่กับรองเท้าผ้าใบกีฬา) ไปจนถึง -Bottega Veneta- ที่โทมัส มายร์ออกแบบสู๊ทสามชิ้นสไตล์อิตาเลียน คัทติ้งแบบเซวิลล์ โรลว์-นีอาโปลีตัน พอดีตัวดั่งสั่งตัดกับหมวกโบวล์เลอร์ และกระเป๋าซิกเนเจอร์หนังสานที่สวยจนน่าขโมยจากแฟนหนุ่มมาใช้
Sunday, March 11, 2007
Sunday, February 04, 2007
This is what I dream of!!
Saturday, January 27, 2007
Leibovitz shot celebrities for Disney Campaign.
As she did with the Wizard of Oz, Alice in Wonderland for Vogue US, the campaign called World’s Year of a Million Dreams dresses up celebrities, featuring Beckham (thanks god, there's only the Beck-dude), Johansson, Beyonce, Lyle Lovett and Oliver Platt as famous Disney characters. The first images of the series will be in the March edition of Vogue, GQ and other magazines.
Annie will soon find celebrities to play The Little Mermaid, Peter Pan and other characters.
Annie will soon find celebrities to play The Little Mermaid, Peter Pan and other characters.
Wednesday, December 20, 2006
Jingle All The Way
Tuesday, December 19, 2006
Dear all my lovely viewers,
Monday, December 18, 2006
The invitation has come!!
HAPPY NEW YEAR!
DUDE/SWEET's New Year Party
a charity count down party
31 December 2006 at Jazz It, RCA
from 6pm-6am
Dress code: People of the Kingdom of Siam during the period of
the King Rama V to the King Rama VIII (circa 1860-1940)
click here for dressing guide
Admission 150 Bht. Every Baht from door charges and 15% from
the bar cut will go to Raks Thai foundation*. Helping poor kids in
the remote areas on their education.
*Please note: Raks Thai foundation has NOTHING to do with
Thai Rak Thai party. they just happened to have a
similar name, that's all. Raks Thai Foundation
+
+++
+++++
Menu
-
6pm-8pm: There will be some music.
-
8pm-9.30pm: Thai hits from the past to present.
-
9.30pm-12am: Guilty Pleasures.
-
12.03am-2am: Indie rock from 1990-1998.
-
2am-3.30am: Indie-tronica. New Rave, Disco Punk, Glowsticks,
Retro Futuristic, etc.
-
3.30am-4.30am: Hand Clapping Theory (music with the hand-clapping sound)
-
4.30-6.00: Shoulder Pads Electro, baby.
+++++
+++
+
Happy New Year to you all!
Friday, December 15, 2006
Thursday, December 14, 2006
A Pic from All To Human - DUDE/SWEET 4th Anniversaries.
Saturday, December 09, 2006
From Glam Night!! [2nd Update]
More and last actions from Glam night.
When Doherty sang Thai country songs, with his fugly dance. This critical charge would sentenced him to death!!
Pum. as Tina Turner.
The duet of KD Lang and Turner.
The (bright!?!) future of Thai fashion?
Look how Prada S/S06 and Dior Homme S/S07 influnced Yo and Bee.
This was Kanye West, after swallowed McCartney in her show.
Note, King of the party.
When was Ms. Potato Chips related to the glam rock?
Thanks for photos from Nan, Pippa and Tong.
When Doherty sang Thai country songs, with his fugly dance. This critical charge would sentenced him to death!!
Pum. as Tina Turner.
The duet of KD Lang and Turner.
The (bright!?!) future of Thai fashion?
Look how Prada S/S06 and Dior Homme S/S07 influnced Yo and Bee.
This was Kanye West, after swallowed McCartney in her show.
Note, King of the party.
When was Ms. Potato Chips related to the glam rock?
Thanks for photos from Nan, Pippa and Tong.
Subscribe to:
Posts (Atom)